วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เห็ดเข็มทอง ( Enokitake หรือ The Golden Mushroom )






เห็ดเข็มทอง มีชื่อสามัญว่า Enokitake หรือ The Golden Mushroom สามารถขึ้นได้ในสภาพเย็นจัด สามารถทนอยู่ในสภาพที่เป็นน้ำแข็งจนน้ำแข็งละลาย จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า The Winter Mushroom ปกติจะมีดอกขนาดเล็กและสั้น แต่ที่วางขายในตลาดทั่วไปจะมีดอกเล็ก ลำต้นยาว เป็นกระจุกผิดไปจากที่พบเห็นในธรรมชาติ ทั้งนี้เพื่อให้ได้ปริมาณและน้ำหนักที่ดีและสะดวกในการบรรจุ จำหน่าย เป็นเห็ดที่มีการพัฒนามานานมาก โดยเฉพาะที่ประเทศญี่ปุ่น มีการวิจัย พัฒนาสายพันธุ์และวิธีการเพาะเห็ดชนิดนี้อย่างกว้างขวาง จึงเป็นผู้ผลิตเห็ดเข็มทองรายใหญ่สุดของโลก เห็ดชนิดนี้สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายประเภท เช่น สุกี้

คุณค่าทางโภชนาการ
โปรตีน 25 % , ไขมัน 1 % , แป้ง 53 % , เส้นใย 12 % , เถ้า 8 % , วิตามินบี 1 , วิตามินบี , วิตามินซี , และ arginine



ตัวอย่างเมนูแนะนำ
Dubin Mushi


ส่วนประกอบ
- หอยตลับ 3 ตัว
- มิซุนะ ( ผักชีญี่ปุ่น ) 5 ใบ
- เห็ดเข็มทอง 10 กรัม
- เห็ดหอมสด 1 ดอก
- ต้นหอม 10 กรัม
- มะนาว 1 ซีก
- น้ำซุบ 3 ถ้วยตวง



วิธีทำ
1.ต้มน้ำซุปให้เดือด
2.นำหอยตลับแกะเปลือกให้แง้มออกเล็กน้อย ใส่ลงในหม้อ ตามด้วยเห็ดหอม เห็ดเข็มทอง ต้นหอม ผักชีญี่ปุ่น แล้วปิดฝาหม้อ
3.ตักใส่ถ้วย จัดเสริฟพร้อมมะนาว

-------------------------------------------

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

กลอย ( Kloi )

ชื่อพื้นเมือง :
กลอย มันกลอย (ทั่วไป), กลอยข้าวเหนียว กลอยหัวเหนียว (นครราชสีมา), กลอยนก กอย (ภาคเหนือ), คลี้ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)

ลักษณะ :

ไม้เถา เลื้อยพันไปบนต้นไม้อื่น ส่วนของลำต้นที่อยู่เหนือดินมีขนและหนาม ใบประกอบเรียงสลับ มีใบย่อย 3 ใบ ปลายแหลม โคนสอบแคบ แผ่นใบกว้าง ดอกแยกเพศ ดอกเพศผู้ไม่มีก้าน อัดรวมกันแน่นบนช่อดอก มีกลิ่นหอม ดอกเพศเมียเรียงกันอยู่ห่างๆ บนช่อดอก ไม่มีก้านดอกเช่นกัน ผลยาวประมาณ 5 ซม. มี 3 ครีบ เมล็ดมีปีกเฉพาะที่โคน หัวค่อนข้างกลม ส่วนบนและส่วนล่างแบน ไม่ฝังลึกลงในดิน ส่วนที่อยู่เหนือพื้นดินมักเป็นลอนตื้นๆ หัวมีขนาดต่างๆ กัน ผิวสีฟางหรือเทา เนื้อในสีขาวถึงขาวนวล

ประโยชน์ :

หัวกลอยใช้เป็นอาหารได้ ก่อนนำมากินจะต้องล้างสารพิษออกให้หมด โดยฝานหัวกลอยเป็นชิ้นบางๆ นำมาแช่ในน้ำเกลือแล้วถ่ายน้ำทิ้งหลายๆ ครั้ง หรือแช่ในน้ำไหลเพื่อให้น้ำชะล้างสารพิษออกให้หมด เพราะ dioscorine เป็นแอลคาลอยด์ที่ละลายได้ดีในน้ำ ชาวป่าบางเผ่านำน้ำที่คั้นจากหัวกลอยมาผสมกับยางของต้นน่อง (Antiaris toxicaria Lesch.) อาบลูกดอกเพื่อใช้ยิงสัตว์ ในหัวกลอยยังมีแป้งในปริมาณสูง ในอินเดียนำมาเตรียมเป็นแป้งในทางอุตสาหกรรม


--------------------------------------------------------


ตำลึง (Coccinia)


ชื่ออื่น

ผักตำลึง ผักแคบดอกตำลึง เดี่ยวออกที่ซอกใบ ออกเดี่ยว ๆหรืออกเป็นกลุ่ม 2-3 ดอก ดอกเพศผู้และเพศเมียอยู่บนต้นเดียวกัน ดอกเพศผู้มีกลีบเลี้ยงเชื่อมกันเป็นรูปกรวยปลายแยกมีลักษณะเรียวแหลม หนา 0.4-0.5 เซนติเมตร เป็นรูประฆัง กลีบดอกมี 5 กลีบ สีขาว ติดกันเป็นรูประฆัง ปลายแยกมีขนาด 2-4 เซนติเมตร เกสรตัวผู้มี 3 อัน มีขนปกคลุม ดอกเพศเมียแตกต่างจากดอกเพศ-ผู้คือ มีเกสรตัวเมีย 1 อัน เกสรตัวเมียแยกเป็น 3-4 แฉก รังไข่ติดกับฐานรองดอกอยู่ใต้ฐานรองดอกแบบ inferior ผล เป็นแบบ berrryผลอ่อนสีเขียวเปลี่ยนเป็นสีแดงสด เมื่อแก่รูปร่างแบบทรงขนานขนาดกว้าง 2-3 เซนติเมตร ยาว 5-7 เซนติเมตร ภายในมีเมล็ดมากรูปไข่กับแกมขนานแบน มีขนปกคลุม มี aril สีแดงสดหุ้ม ไม่มี endosperm กว้าง 0.3 เซนติเมตร ยาว 0.7 เซนติเมตร ออกดอกระหว่างเดือนเมษายน - ธันวาคมและติดผลเดือนมิถุนายน-มกราคม


การขยายพันธุ์

โดยใช้เมล็ดและตัดชำลำต้น ผลตำลึงดิบ


ลักษณะทั่วไป

ไม้เถา ลำต้น เลื้อยพันอาศัยมือเกาะซึ่งเป็นเส้นกลม ๆ สีเขียวยาว 12-14 เซนติเมตร ของอคล้านลวดสปริง เป็นเส้นเดี่ยวไม่แตกแขนง ออกตรงกันข้ามกับใบ ใบ เดี่ยวเรียงสลับ ฐานใบรูปหัวใจ ปลายใยแหลมขอบในหยักแบบฟันเลื่อยตื้น ๆ หยักเว้าห้าแฉก เส้นใบแยกจากโคนใบที่จุดเดียวกัน 5-7 เส้น ใบกว้าง 3-4 เซนติเมตร ดอก เป็นดอก


ระบบนิเวศวิทยาและการแพร่กระจาย

พบขึ้นทั่วไปตามชายทุ่งริมทาง ตามรั้ว ขึ้นพันต้นไม้อื่นทั่วไป ประโยชน์และความสำคัญทางสมุนไพร ใบและเถามีเอ็นไซม์amylase ย่อยแป้งซึ่งทำให้มีอาการท้องอืดเฟ้อ ลดน้ำตาลในเลือดใบเถา ผลดิบ ดื่มวันละ 2 ครั้ง แก้ปัญหาเบาหวาน ลดผื่นคัน ปวดแสบร้อน ใบตำลึงสดล้างสะอาด ตำให้แหลก ผสมน้ำทา ใช้พอกทางอาหาร ใบ เถา ผลอ่อน ต้ม ดอง เป็นผักจิ้ม ใบลวกจิ้ม ปรุงแกงจืดหมูสับ แกงเลียง หรือใส่ก๋วยเตี๋ยว แทนถั่วงอก คุณค่าทางอาหารสูง วิตามินเอ แร่ฐาตุ แคลเซียม โพแทสเซียม เหล็ก ราก มี lupeolacetete , ?-amyrin acetate, ? sitosterol น้ำยาง มีเอนไซม์amylase ผลมี lupeol ? amyrin และcucurbitacin

--------------------------------------------------

ตำลึงผัดหนำเลี้ยบ

เครื่องปรุง
ผักตำลึง 1-2 กำมือ(แล้วแต่ความชอบ)
หนำเลี้ยบ 7 ผล
เนื้อหมูสับ 2 ขีด
กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช ¼ ถ้วยน้ำปลา
น้ำตาลทราย

วิธีทำ
เมื่อเตรียมส่วนผสมพร้อมแล้ว ก็เริ่มด้วยการเด็ดตำลึงให้ได้ปริมาณพอเหมาะ จากนั้นบี้เอาเม็ดหนำเลี้ยบออกแล้วสับเนื้อหนำเลี้ยบรวมกับเนื้อหมูสับจนละเอียดเข้ากันนำกระทะตั้งไฟ เจียวกระเทียมสับกับน้ำมันจนเหลืองหอม ใส่หมูสับที่สับผสมหนำเลี้ยบแล้วลงไปผัดจนสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทรายตามความชอบ จากนั้นใส่ตำลึงลงไปผัดพอสุก

-----------------------------------------------------------

น้ำตำลึง

ส่วนผสม
ใบตำลึง 20 กรัม
น้ำเชื่อม 30 กรัม
น้ำมะนาว 10 กรัม
น้ำต้มเปล่าสุก 200 กรัม
เกลือป่นเสริมไอโอดีน 1 กรัม

วิธีทำ
นำใบตำลึงมาล้างให้ สะอาดแล้วหั่นใส่เครื่องปั่น ใสน้ำต้มครึ่งหนึ่ง ปั่นให้ละเอียด นำไปกรอง ใส่น้ำที่เหลือคั้นเอา แต่น้ำ นำน้ำที่ได้ไปใส่เกลือ น้ำมะนาว น้ำเชื่อม ชิมรสตามชอบ

--------------------------------------------------

ผักเสี้ยน (CLEOMACEAE)

ชื่ออื่น

ผักเสี้ยน ผักเสี้ยนบ้าน ผักเสี้ยนขาว ผักเสี้ยนส้ม ผักเสี้ยนตัวผู้ ดอกผักเสี้ยนไทย

ผลเป็นฝักเรียวยาว 3.8-7 เวนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 2-5 มิลิเมตร ฝักแก่จะแตกเป็นแฉก เมล็ด รูปไต ขนาดเล็กคล้ายเมล็ดถั่วเรียงกันอยู่ในฝัก

การขยายพันธุ์
ใช้เมล็ดนิเวสวิทยาและการแพร่กระจาย พบได้ทั่วไปตามธรรมชาติ บริเวณที่ราบ ในสวนดินร่วน ชื้น พบมากในฤดูฝน

ประโยชน์และความสำคัญ
ทางสมุนไพร ต้น แก้โรคโลหิตและระดูเน่าเสียฆ่าพยาธิไส้เดือน แก้พิษแมลงป่องต่อย ใบ แก้ปวดเมื่อย ปวดหู พอกรักษาฝีบรรเทาอาการระคายเคือง เมล็ด ขับปัสสาวะ ฆ่าพยาธิไส้เดือน บรรเทาอาการระคายเคือง ผักเสี้ยนดอก มีรสเปรี้ยวร้อน ช่วยบรรเทาอาการมีเสมหะขับเสมหะ ทางอาหาร ลำต้น ยอด ใบ และดอกอ่อน ใช้ดองรับประทานเป็นผักจิ้ม หรือต้มกับปลา หมู กระดูกหมู เป็นต้น

----------------------------------------------------

ผักเสี้ยนดอง
ส่วนประกอบ
ยอดอ่อน ผักเสี้ยน 1 ก.ก.
เกลือ 1 ถ้วยตวง
ข้าวเหนียวนึ่ง 1/2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย

วิธีทำ
เด็ดแต่ง เอาเฉพาะส่วนอ่อน (ส่วนก้านแข็งจะไม่เอา) ล้างผักให้สะอาด หลายๆน้ำ เอาภาชนะเคลือบ หรือ สเตนเลสมา ใส่ผักลงไปโรยเกลือ 1/2 ถ้วย คั้นนวดผัก จนนิ่ม มีน้ำเขียว ไหลออกมา รินน้ำเขียวทิ้งไป เอาเกลือที่เหลือ น้ำตาล(นิดจริงๆ)และข้าวเหนียวนึ่งสุก ลงอ่างบี้ข้าวเหนียวให้แตกออกจากกัน เคล้าผสมกัน บรรจุในหม้อเคลือบ มีฝาปิดมิดชิด 2 วันก็เปรี้ยวแล้ว

-------------------------------------------------------------

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ข้าวโพดหวาน (Sweet Corn)


ข้าวโพดหวาน อยู่ใน ตระกูล Gramineae ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับหญ้าหรือข้าว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Zeamays Line var. rugasa หรือ saccharata ข้าวโพดหวานมีคุณประโยชน์มากมาย นอกจากจะใช้รับประทานเป็นผักสดแล้ว ยังสามารถนำไปแปรรูปได้หลาย รูปแบบ เช่น ข้าวโพดหวานบรรจุึกระป๋องทั้งฝัก หรือบรรจุกระป๋องเฉพาะเมล็ด ทำครีมข้าวโพดหวาน ข้าวโพดแช่แข็ง ซึ่งผลิตภัณฑ์ ต่างๆ เหล่านี้ สามารถส่งไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน และกลุ่มประเทศในแถบยุโรป
ข้าวโพดฝักสดจัดเป็นอาหารจำพวกแป้งเช่นเดียวกับข้าว ประกอบด้วยสารอาหารคาร์โบไฮเดรทและไขมันที่เพียงพอ แต่มีปริมาณสารอาหารโปรตีนต่ำ ข้าวโพดมีวิตามินบีต่าง ๆ เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และไนอะซินในปริมาณต่ำ รวมทั้งปริมาณแคลเซียมและเหล็กด้วย และพบว่า วิตามินเอ มีเฉพาะในข้าวโพดสีเหลือง
หลายคนคงเคยได้รับรู้มาบ้างแล้วว่า การกินข้าวโพดหวานมีประโยชน์หลายประการ อาทิเช่น บำรุงกระเพาะอาหาร บำรุงหัวใจและปอด ช่วยเจริญอาหาร และขับปัสสาวะ เป็นต้น สำหรับประโยชน์ของข้าวโพดหวานที่มากกว่านั้น เพื่อให้ทุกคนหันมารับประทานข้าวโพดหวาน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายมากยิ่งขึ้น การกินข้าวโพดหวานต้ม สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจ และมะเร็งได้ การต้มทำให้ข้าวโพดหวานปล่อยสารต้านอนุมูลอิสระ หรือที่บางคนเรียกกันว่า แอนตี้ออกซิแดนท์มาหลายตัว และที่สำคัญตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า “กรดเฟอรูลิก”(Ferulic acid ) ซึ่งเป็นสาระสำคัญที่เป็นตัวช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมีประสิทธิภาพ กรดเฟอรูลิกเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจึงถูกใช้สำหรับต่อต้านการแก่ (aging) ของเซลล์ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง โรคหัวใจ ไข้หวัด รักษาสุขภาพของกล้ามเนื้อต่อต้านผลกระทบจากรังสีอุลตร้าไวโอเลต (จึงป้องกันมะเร็งผิวหนังได้)

-------------------------------------------------------------

ข้าวโพดหวานจานเด็ด

เครื่องปรุง
เมล็ดพริกไทยแห้งสีดำ 3/4 ช้อนชา
พริกแห้ง (แกะเม็ดออกแล้ว) 2 เม็ด
เกลือไอโอดีน 3/4 ช้อนชา
น้ำตาล 1/2 ช้อนชา
ข้าวโพด (แกะเปลือกออก) 3 ฝัก
เนย 75 กรัม
ต้นหอมสับ 1 กรัม


วิธีทำ
1. ผสมเมล็ดพริกไทยแห้ง พริก เกลือและน้ำตาลลงบนกระทะ ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากันโดยใช้ไฟอ่อนถึงปานกลาง กระทั่งมีกลิ่นหอม จากนั้นนำไปบดหยาบๆในครก เครื่องบดหรือเครื่องโม่ก็ได้2. หั่นข้าวโพดออกเป็นสามส่วน จากนั้นผ่าตามยาวเป็นสองถึงสามส่วนขนาดเท่าๆกัน(หั่นตามยาวให้เม็ดออกเป็นแผ่น จากซังข้าวโพด)
3. ต้มข้าวโพดในน้ำเดือดประมาณ 8-10 นาที หรือจนกระทั่งข้าวโพดเริ่มอ่อนนิ่ม
4. ละลายเนยบนกระทะใช้ไฟร้อนปานกลาง เมื่อเนยเริ่มเดือดเป็นฟอง นำต้นหอมและเครื่องปรุงพริกไทยลงไปผัดประมาณ 10 วินาที ตักใส่ชามเล็ก และนำไปโรยหน้าข้าวโพด

---------------------------------------------------------

ซุปข้าวโพด
ส่วนผสม
1.ข้าวโพดหวาน 1 ถ้วย
2.นมสด 1 กล่อง
3.หอมหัวใหญ่สับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
4.ไข่ขาว 1 ฟอง

วิธีทำ
1.นำข้าวโพดและนมสด ปั่นเข้าด้วยกันจนละเอียด และนำไปกรองบนตะแกรง
2.เมื่อกรองผ่านตะแกรงจะได้ข้าวโพดผสมกับนม นำไปตั้งไฟอ่อน ๆ ระหว่างตั้งไฟให้คนไปเรื่อย ๆ เพื่อกันการจับตัวเป็นก้อน
3.เมื่อเริ่มเดือดให้ใส่ไข่ขาวตีละเอียดและกรอง พร้อมกับหอมหัวใหญ่ลงไปด้วยค่ะ และคนไปเรื่อย ๆ จนซุปเริ่มข้นดี ใส่เกลือนิดหน่อย ก็ใช่ได้เลย
-------------------------------------------------------

กระถิน (Lead Tree)



กระถินเป็นไม้พุ่มขนาดใหญ่ถึงไม้ต้นขนาดเล็ก สูงได้ถึง 10 เมตร ไม่ค่อยแตกกิ่งก้านสาขา ใบ ประกอบแบบ ขนนกสองชั้น เรียงสลับ ก้านแขนงสั้น มีขน ใบย่อย เรียงตรงข้าม รูปแถบหรือรูปขอบขนานแกมรูปแถบ ปลายแหลม โคนเบี้ยว ขอบมีขน ท้องใบสีนวล ดอก ออกเป็นช่อ ช่อดอกออกแบบช่อกระจุกแน่น ออกตามง่ามใบ ช่อเป็นฝอยนุ่มมีกลิ่นหอมเล็กน้อย ผล เป็นฝัก ฝักออกเป็นช่อแบนยาว เห็นเมล็ดเป็นจุดๆ ในฝักตลอดฝัก
-------------------------------------------------

คุณค่าอาหาร

ยอดกระถินอ่อน 100 กรัม ให้พลังงาน 80.7 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย เส้นใย 3.8 กรัม แคลเซียม 137 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 11 มิลลิกรัม เหล็ก 9.2 มิลลิกรัม วิตามินเอ 7,883 IU. วิตามินบี1 0.33 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.09 มิลลิกรัม ไนอะซิน 1.7 มิลลิกรัม วิตามินซี 8 มิลลิกรัม
--------------------------------------------------------

แกงส้มผักกระถิน

ส่วนผสม
ยอดกระถิน 1 กำ
ไข่ไก่ 2 ฟอง
น้ำมันพืช
น้ำพริกแกงส้ม 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขามเปียก 1 ถ้วย
น้ำซุปผัก หรือน้ำซุปไก่ 1 ถ้วยโตๆ
น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา

วิธีทำ
ตีไข่ เด็ดยอดกระถินใส่ลงไป เอาลงเจียวก่อน เสร็จแล้วตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม เอาน้ำซุปใส่หม้อตั้งไฟ ละลายน้ำพริกแกงส้มใส่ลงไป ต้มให้เดือด จึงเอาไข่เจียวกระถินใส่ลงไป ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ ชิมรสให้เปรี้ยว เค็ม หวาน ตามใจชอบ
----------------------------------------------------------

หอยนางรมน้ำมันหอย

เครื่องปรุง
หอยนางรม 3 ขีด (ตัวใหญ่ดีกว่าตัวเล็ก)
กระเทียมสับ 3 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมัน
ยอดกระถิน

วิธีทำ
1. ล้างหอยนางรมแล้วผึ่งไว้ให้สะเด็ดน้ำ เอาน้ำมันใส่กระทะผัดหอยนางรมพอสุก ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว อย่าผัดนานเพราะน้ำจะออกเยอะ แล้วตักออก ราดหน้าด้วยน้ำมันหอย พักไว้
2. เอาน้ำมันใส่กระทะอีกครั้งคราวนี้เจียวกระเทียมพอเหลืองอย่าให้กรอบหรือไหม้จะทำให้ขม ปิดไฟก่อน
3. คราวนี้เอาหอยลงคลุกในกระทะ อย่ารินน้ำหอยลงไปด้วย ตักใส่จานที่รองเอาไว้ด้วยยอดกระถิน เวลากินกินแกล้มไปพร้อมกัน
-----------------------------------------------------------

ผักบุ้งจีน (Chinese Water Convolvulus)



ผักบุ้งจีนเป็นพืชผักที่นิยมรับประทานกันมาก มีคุณค่าทางอาหารสูงประกอบด้วยไวตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยเฉพาะไวตามิน เอ ซึ่งเชื่อกันว่าช่วยบำรุงสายตา มีปริมาณสูงถึง 9,550 หน่วยสากล ในส่วนที่รับประทานได้สด 100 กรัม หรือ 6,750 หน่วยสากล ในส่วนที่รับประทานได้เมื่อสุกแล้ว 100 กรัม นอกจากนี้ยังมี แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัสและไวตามินซีเป็นองค์ประกอบสำคัญด้วย

------------------------------------------------------------

คุณค่าอาหาร

ผักบุ้งจีน 100 กรัม ให้พลังงาน 23 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย โปรตีน 2.7 กรัมไขมัน 0.3 กรัม คาร์โบไอเดรต 2.4 กรัม เส้นใย 2.4 กรัม แคลเซียม 51 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 31 มิลลิกรัม เหล็ก 3.3 มิลลิกรัม วิตามินบี1 0.02 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.14 มิลลิกรัม วิตามินซี 9 มิลลิกรัม

-----------------------------------------------------------------

ผักบุ้งกะปิ

เครื่องปรุง
ผักบุ้งไทย 1 กำ หั่นขนาดตามชอบ
กะปิ 1 ช้อนชา
พริกขี้หนู,กะเทียม,กะปิ นำมาตำรวมกันแบบหยาบเข้า
น้ำมันมะกอก
น้ำมันหอย
วิธีทำ
1.ใส่น้ำมัน ในกะทะตั้งให้ร้อน ใส่เครื่องที่เราตำรวมกันได้ ผัดให้มีกลิ่นหอม
2.ใส่ผักบุ้ง น้ำมันหอย รีบคลุกเคล้า ผัดให้เข้ากัน
-------------------------------------------------------------

ยำผักบุ้ง

ส่วนประกอบ
ผักบุ้งจีน 2 กำมือ หั่นแล้วลวกแช่น้ำเย็นจัดรอไว้
หมูสามชั้น มันบางหน่อย 3 ขีด ต้มหรือนึ่งให้สุก หั่นบางๆ
กระเทียม ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนู ซอย 1 ช้อนโต๊ะ ไว้เป็นลูกโดดอีก 5-6 เม็ด
น้ำปลาดี 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
ถั่วลิสงคั่งป่นหยาบ 1/4 ถ้วย
ไข่ต้มแข็ง ตัดแว่น 2 ฟอง
หอมสด ซอยบาง(เอาเฉพาะส่วนหัวขาวๆ)
ผักชี เด็ด
วิธีทำ
เอาน้ำปลา น้ำตาล น้ำมะนาว ลงอ่างผสม ใส่หมูนึ่ง พริกซอย หอมซอย คนให้เข้ากันดี ชิมให้พอใจก่อนนะครับ ค่อยใส่ผักบุง เคล้าเบาๆให้ทั้ว จะมีน้ำจากผักบุ้งออกมานิด ก่อนจบโรยด้วยถั่วป่น ตักจัดลงจานเปล ที่ปูจานด้วยผักกาดหอม(ผักสลัด) วางยำตรงกลาง โรยหน้าด้วยผักชี วางไข่ต้มแว่นรอบขอบจาน
------------------------------------------------------

ซูกินี (Zucchini)

ซุกินี มีถิ่นกำเนิดอยู่แถบเม็กซิโก เป็นพืชฤดูเดียว เจริญเป็นพุ่ม หรือกิ่งเลื้อบ ลำต้นเป็นข้อสั้น ใบมีลักษณะเป็นเหลี่ยม ผิวหยาบ และมีขนอ่อนบนใบ ดอกตัวเมียและตัวผู้ แยกกันอยู่ แต่อยู่บนต้นเดียวกัน ผสมเกสรโดยแมลง เช่น ผึ้ง ผลมีลักษณะทรงยาว รี มีสันนูนตามยาว ผิวเรียบเป็นมัน สีเขียวแก่ สลับลายขาวเป็นจุด เนื้อแน่น กรอบ ฉ่ำน้ำ มีเมล็ดจำนวนมาก ขนาดผลโดยประมาณมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3-4 เซนติเมตร ยาว 15-20 เซนติเมตร นิยมบริโภค กันมากใน แถบประเทศเมดิเตอร์เรเนียน ในฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี
ซูกินี เป็นพืชใหม่ การดูแล เอาใจใส่ อย่างดีจะ ได้ผลผลิต สูงต้นทุน ค่อนข้างสูง ตลาดทั่วไป ยังไม่ กว้างขวาง แต่มีตลาด เอกชนรองรับ บ้างแล้ว ดินปลูกต้อง อุดมสมบูรณ์ ต้องการ ความชุ่มชื้น สม่ำเสมอ ตลอดเวลา ทำเลที่ปลูก ควร อยู่ในระดับ ความสูง 300-1,400 เมตร
การใช้ ประโยชน์ มีสรรพคุณ ช่วยลด ความดันโลหิต รับประทาน ดิบหรือ คั้นน้ำดี่มสด ๆ ตุ๋นรวม ผักอื่นกับ เนื้อสัตวแกงจืด ผัดน้ำมันหอย ผัดกับ เนื้อสัตว์ต่าง ๆ ตุ๋นแบบจีน

--------------------------------------------------------------------
แกงจืดซูกินีสอดไส้หมูสับ

เครื่องปรุง
ซูกินี Zucchini, หมูสับ, กุ้งสับ, เห็ดหอม, กระเทียมสับ, ผักชีสับ, พริกไทยป่น
แป้งมัน, ซีอิ๊วขาว ,น้ำซุปหรือซุปไก่ก้อน

วิธีทำ
1. ซูกินีหั่นเป็นท่อนพอคำ และควักไส้ออกพักไว้
2. นำหมูสับ กุ้งสับ มาผสมกับกระเทียม ผักชี พริกไทย แป้งมัน ซีอิ๊วขาวคลุกให้เข้ากัน
3. นำส่วนผสมทั้งหมดมายัดไส้ซูกินี
4. นำหม้อตั้งไฟใส้น้ำซุปตั้งไฟให้เดือด ใส่ซูกินีลงไปต้มจนกระทั่งสุกชิมรส ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟ โรยหน้าด้วยพริกไทย และผักชี

----------------------------------------------------
ซูกินีผัดไข่
ส่วนผสม
ซูกินี่ 1 ลูก
ไข่ 2 ฟอง
กระเที่ยมสับ 3 กลีบ
น้ำมันหอยกับเกลือ
วิธีทำ
1. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน รอให้น้ำมันร้อน เจียวกระเทียมให้มีกลิ่นหอม เทซูกินี่ลงไปผัดเลย ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย เคี่ยวให้นิ่ม
2. พอซูกินี่นิ่มได้ที่ต้องการ ใส่เครื่องปรุงรสเลย น้ำมันหอยกับเกลือ ผัดให้เข้ากัน
3. ทำเป็นบ่อตรงกลางกระทำ ตอกไข่ใส่ลงไปเลย ใช้ตะหลิวตีให้ไข่แตก แล้วก็ผัดไข่กับซุกินี่ให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จ
------------------------------------------------------------------

วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ปวยเล้ง (Spinach)



ปวยเล้ง หรือ “ผักกาดแดง” เป็นพืชดั้งเดิมของชาวอาหรับ จึงมักเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ผักเปอร์เซีย” เข้าสู่ประเทศจีนโดยเป็นเครื่องบรรณาการในสมัยราววงศ์ถัง ปวยเล้งอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร จึงเป็นผักที่หลายคนรู้จักในนามผักของป๊อปอาย หรือ “ผักโขม” นั่นเอง

การกินปวยเล้งให้ถูกวิธี ควรจะลวกเสียก่อน เพราะจะช่วยลดสารออกซาเลต (oxalate) ที่สามารถจับตัวเป็นก้อนกับแคลเซียม หากมีปริมาณสูงอาจทำให้เกิดโรคนิ่วได้
ดื่มน้ำปวยเล้งสด จะช่วยแก้โรคตาบอดกลางคืนและตาฟางได้
ลวกปวยเล้งในน้ำเืดือด โรยหน้าด้วยน้ำมันงา กินเพื่อช่วยระบายและลดความดันโลหิต
ต้มปวยเล้งทั้งรากและต้มจนเปื่อย ดื่มน้ำต้มรักษาอาการเมาค้าง และแก้พิษสุราเรื้อรัง
ต้มปวยเล้งกับสาหร่ายกินเพื่อฟอกเลืิอดและแก้อาการผื่นคันจากโรคผิวหนัง


คุณค่าทางอาหาร

ปวยเหล็งสามารถประทานได้ทั้งใบและต้น นำมาประกอบอาหารได้หลายชนิด เช่น ผัดน้ำมันหอย ต้มจืด ลวกใส่ในก๋วยเตี๋ยว สุกี้ ทำแกงจืด ต้นอ่อนรับประทานสดในสลัด หรืออาหารจำพวกซุป
ปวยเหล็งประกอบไปด้วยคุณค่าทางอาหารหลายชนิด เช่น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก และมีสารเบต้าแคโรทีน และวิตามินซี เป็นจำนวนมาก ช่วยบำรุงสายตา ผิวพรรณ และทำให้ กระดูกแข็งแรง และช่วยป้องกันโรคมะเร็ง
---------------------------------------------------------
ข้อควรระวัง
ผู้ป่วยโรคเกาต์ โรคไขข้อ และนิ่ว ไม่ควรกินในปริมาณมาก
ผู้ที่มีปัญหาหลั่งเร็ว หรือผู้ที่มีอาการท้องร่วง ไม่ควรกินเช่นกัน
----------------------------------------------------------

สลัดปวยเล้งสด

ส่วนผสม
ผักปวยเล้ง 3 ขีด
ปลาข้าวสารทอด(หรือกุ้งแห้ง) 1/4 ถ้วย
แครอทซอยเส้น 1/2 ถ้วย
มะเขือเทศราชินีหั่นครึ่ง 10 ลูก
มะเขือเทศหั่นเป็น 4 ชิ้น 2 ลูก
เห็ดเออรินจิส 1 ขีด น้ำสลัด 1/2 ถ้วย

ส่วนผสมน้ำสลัด
น้ำส้มบาลซามิก 4 ช้อนโต๊ะ
งาขาวคั่วสุก 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปึก 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
-หั่นผักปวยเล้งขนาดพอดีคำ แช่ตู้เย็น
-หั่นเห็ดเออรินจิสเป็นชิ้นบางๆ ลวกในน้ำเดือดจนสุก ตักขึ้นแช่ในน้ำเย็นจัด ตักขึ้นพักไว้
-จัดผักปวยเล้ง แครอทซอยเส้น มะเขือเทศราชินี มะเขือเทศ และเห็ดเออรินจิสใส่จาน โรยปลาตัวเล็กทอด ราดน้ำสลัด
-วิธีทำน้ำสลัด ผสมส่วนผสมน้ำสลัดทั้งหมดให้เข้ากัน


--------------------------------------------------------------
ก้านปวยเล้งผัดน้ำมันงา
ส่วนผสม
ปวยเล้ง 1 กำ
น้ำซุปผัก 1 ถ้วย
น้ำมันงา 2 ช้อนชา
งาขาว 1 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาวอย่างดี
มะนาว
วิธีทำ
- เอาผักปวยเล้งสดๆ ใหม่ๆ ไปต้มในน้ำซุปผัก ใส่น้ำพอให้น้ำซุปท่วมผัก พอผักนิ่มแล้ว ตักปวยเล้งขึ้น บีบเอาน้ำออก ตัดเอามาแต่ก้าน นำมาคลุกกับน้ำมันงา ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและบีบมะนาวลงไปนิดหน่อย เอางาขาวโรยคลุกให้เข้ากัน
-------------------------------------------------------------

ผักโต้วเหมี่ยว (grown cat)



ผักโต้วเหมี่ยวเพาะมาจากเมล็ดถั่วลันเตา มีรสหวานและกรอบ อุดมด้วยสารอาหาร ช่วยบำรุงสายตา, ตับ, หัวใจ จัดว่าเป็นแหล่งสารโปรตีนชั้นดี รวมถึงมีวิตามินบี และวิตามินซีสูง นอกจากนี้ยังมีสารเลซิติน ซึ่งช่วยในการทำงานของประสาทกับสมอง และยังเป็นผักที่มีเส้นใยมาก ซึ่งจะช่วยทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น อันจะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง ในกระเพาะอาหาร และลำไส้


-------------------------------------------------------------------

ผัดผักโต้วเหมียว

ส่วนผสม
ผักโต้วเหมียว 150 กรัม
กระเทียมกลีบใหญ่สับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 1½ ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 1½ ช้อนโต๊ะ
ซอสหอย ½ ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. ล้างผัดโต้วเหมียวให้สะอาดตัดส่้วนลำต้นที่แก่ๆทิ้ง

2. ตั้งกระมะใส่น้ำมันงาด้วยไฟกลางจนร้อน ใส่กระเทีนมลงไปเจียวพอเหลืองใส่ผักโต้วเหมียวลงไปจนให้เข้ากันใส่ซีอิ้วขาวและ ซอสหอยลงไปคนให้เข้ากันอีกครั้งปิดไฟ

(อย่าผัดนานเพราะจะทำให้ผักอ่อนไม่อร่อย)

3. ตักใส่จานเสิร์ฟ


-----------------------------------------------------------------------



ผักม้วน

เครื่องปรุง
ใบกะหล่ำปลี 6 ใบ
แครอทซอยเป็นเส้น 1/2 ถ้วย
หน่อไม้ไผ่ตงซอยเป็นเส้น 1/2 ถ้วย
ผักโต้วเหมี่ยว 1/2 ถ้วย
เห็ดเข็มทอง 1/2 ถ้วย
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสเห็ดหอม 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 1 ช้อนชา
น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
ซุปผัก 1/2 ถ้วย
แป้งข้าวโพดละลายน้ำ งาขาวคั่ว


วิธีทำ

1. ลวกใบกะหล่ำปลีให้นุ่ม ฝานโคนก้านแข็งๆออกบางส่วนให้ม้วนง่าย

2. ลวกแครอท หน่อไม้ และเห็ดเข็มทองพอสุก

3. ห่อแครอท หน่อไม้ เห็ดเข็มทอง และผักโต้วเหมี่ยวด้วยใบกะหล่ำปลี ม้วนให้แน่น ตัดเป็นชิ้นเรียงใส่จาน

4. ผสมซอสปรุงรส ซอสเห็ดหอม น้ำตาล น้ำมันงา และน้ำซุป นำขึ้นตั้งไฟให้เดือด

5. เติมแป้งข้าวโพด เคี่ยวให้สุกข้น ยกลง

6. ตักซอสที่ได้ราดลงบนผักม้วนที่ห่อไว้ โรยงาคั่ว เสิร์ฟทันที

----------------------------------------------------------------

วอเตอร์เครส (Watercress)

“วอเตอร์เครส” จัดเป็นผักพื้นบ้านต่างประเทศอีกชนิดหนึ่งที่ฝรั่งนิยมบริโภคกันมาก
วอเตอร์เครส หรือที่เราคนไทยเรียกว่า “ผักน้ำ” เป็นผักในตระกูลผักกระเฉด ซึ่งมีลักษณะเป็นผักใบเขียว นิยมนำมาทำเป็นผักสลัด หรืออาจนำมาทานเป็นผักแกล้ม กับน้ำพริก ตลอดจนเป็นส่วนประกอบของอาหารเมนูต่างๆ ตามใจชอบ แต่ทั้งนี้ในเรื่องคุณค่าทางอาหารแล้ว มีประโยชน์ เหลือเชื่อเลยทีเดียว ถ้าเทียบจากน้ำหนักที่เท่ากันแล้ว วอเตอร์เครสประกอบด้วยวิตามินซีมากกว่าส้ม มีแคลเซียม มากกว่านมทุกชนิด มีธาตุเหล็กมากกว่าผักขม และยังประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกันอันตราย ที่เกิดจาก สารอนุมูลอิสระอีกด้วย คนฝรั่งจะนำผักชนิดนี้มาทำเป็นไส้ของแซนด์วิช, ทำซุป ฯลฯ
-----------------------------------------------

คุณค่าอาหาร
วอเตอร์เครส 100 กรัม ให้พลังงาน 10 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย โปรตีน 2 กรัม ไขมัน 0.2 กรัม เส้นใย 4.5 กรัม แคลเซียม 119 มิลลิกรัม เหล็ก 3 มิลลิกรัม มิตามินบี1 0.1 มิลลิกรัม ไนอะซิน 1 มิลลิกรัม วิตามินซี 60 มิลลิกรัม เบต้า-แคโรทีน 500 ไมโครกรัม
-------------------------------------------------

สรรพคุณทางยา
ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคเส้นเลือดในสมองแตก ป้องกันภาวะเยื่อหุ้มไขสันหลังผิดปกติในทารกแรกเกิด

------------------------------------------------
ยำมะม่วงกับกุ้งทอด
ส่วนผสม
กุ้งลายเสือ 100 กรัม (หรือ 1-2 ตัว)
ข่า กระเทียม ตะไคร้ รากผักชี อย่างละ 5 กรัม
พริกไทยดำ 1/2 ช้อนชา
มะม่วงดิบซอย 120 กรัม
หอมแดงซอย 10 กรัม
พริกขี้หนูแดงซอย 1 เม็ด
ต้นหอม 5 กรัม
เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ 5 กรัม
ซิอิ๊ว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนชา
มะนาว 1 ผล
ผักวอเตอร์เครส 10 กรัม

วิธีทำ
-นำข่า ตะไคร้ กระเทียม รากผักชี พริกไทยดำ นำมาปั่นหรือโขลกรวมกัน แล้วคลุกกับกุ้งผ่าซีกที่เตรียมไว้ จากนั้นนำลงทอดให้สุก ตักขึ้นจัดใส่จาน
-ซอยมะม่วงดิบให้เป็นเส้น ซอยหอมแดง พริกขี้หนูแดง ต้นหอม คลุกรวมกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ และเครื่องปรุงต่างๆ
-คลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นราดเครื่องยำลงบนกุ้งทอด แล้วตกแต่งด้วยวอเตอร์เครสให้สวยงาม
ขอขอบคุณ : สูตรจาก “ บ้านไทย รีสอร์ท แอนด์ สปา ” ซ.สุขุมวิท 32 โทร. 0-2258-5403, 0-2661-4051-3
แหล่งข้อมูล : นิตยสาร - HealthToday


-------------------------------------------------

ซุปวอเตอร์เครส
เครื่องปรุง:
1. ผักวอเตอร์เครส
2. หอมใหญ่สับ
3. กระเทียมสับ
4. เบคอนสับ
5. นมสด
6. Aromat (ปรุงรส)
7. เนยสด
8. แมกกี้
9. วิปปิ้งครีม
10. ขนมปังกรอบ
11. ซุปไก่ (ต้มโครงไก่ กับหัวหอมและหัวไช้เท้า ปรุงรสด้วยเกลือนิดหน่อย)


วิธีทำ:
1. ละลายเนยสดลงในกระทะ ใส่กระเทียมสับลงไปผัดพอหอม ใส่หัวหอมลงไป แล้วใส่เบคอนลงไป
2. หัวหอมเริ่มเป็นสีใสแสดงว่าสุก ใส่ผักวอเตอร์เครสลงไป ปรุงรสด้วยเกลือป่นเล็กน้อย ใส่น้ำซุปไก่ลงไป พอผักวอเตอร์เครสเริ่มสุก ตักขึ้นทิ้งไว้ให้เย็นลงเล็กน้อย
3. นำเข้าเครื่องปั่น เติมน้ำซุป แล้วปั่น ละเอียดตามชอบ
4. จากนั้นเทใส่หม้อ เติมน้ำซุปไก่ลงไป กะปริมาณความข้นของซุปตามชอบ ใส่นมสดลงไป ปรุงรสด้วยแมกกี้ และผง Aromat พอเดือด ตักใส่ถ้วยซุปเตรียมเสิร์ฟ แต่งหน้าด้วยวิปครีมตามชอบ รับประทานกับขนมปังกรอบ หรือขนมปังฝรั่งเศสหั่นแว่น ขนมปังกระเทียม ตามชอบ

-----------------------------------------------
ก๋วยเตี๋ยวหมูผักวอร์เตอร์เครส
เครื่องปรุงน้ำสต๊อกหมู
- ซี่โครงหมูไม่ติดมัน
- เม็ดพริกไทยดำ
- หอมหัวใหญ่ / เกลือ
- หัวไซเท้า/ น้ำ
- รากผักชี / ใบกระวาน

วิธีทำ
นำซี่โครงหมูมาล้างทำความสะอาดพักไว้
นำหม้อตั้งไฟใส่ซี่โครงหมูลงไปต้มพร้อมกันใส่ หอมหัวใหญ่ หัวไซเท้า รากผักชี เม็ดพริกไทยดำเกลือ และใบกระวาน เคี่ยวไฟอ่อนใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง
เครื่องปรุงก๋วยเตี๋ยวหมู- หมูต้มหั่นเป็นชิ้นบางๆ- ตับหมูต้ม/ไส้ตันต้ม - ต้นหอม/ผักชี- หมูสับ/ลูกชิ้นหมู- กระเทียมเจียว/ตั้งฉ่าย- น้ำส้ม/ พริกป่น- น้ำสต๊อกหม- ผักวอร์เตอร์เครส- น้ำตาลทราย- เส้นก๋วยเตี๋ยวแช่น้ำ- น้ำปลาหรือซีอิ๊วขาว

วิธีทำ
นำหม้อตั้งไฟต้มน้ำให้เดือดแล้วนำเส้นก๋วยเตี๋ยวลงไปลวกสะเด็ดน้ำ รองก้นถ้วยด้วยวอร์เตอร์เครสใส่ถ้วย
นำเครื่องปรุงทั้งหมดเรียงบนชามที่ใส่ก๋วยเตี๋ยวโรยหน้าด้วยต้นหอมซอย ผักชีหั่นฝอย ตั้งฉ่าย กระเทียมเจียว ตักน้ำซุปใส่พอประมาณ โรยหน้าอีกครั้ง ด้วยพริกไทยป่น
ปรุงรสด้วย พริกน้ำส้ม พริกป่น น้ำตาลทราย น้ำปลาหรือซีอิ๊วขาว
ขอขอบคุณ : สูตรจาก www.mcdang.com
-----------------------------------------------------